
ดอกโบตั๋น
โบตั๋น หรือดอกโบตั๋น (Peony) เป็นพืชดอกล้มลุกที่มีขนาดของดอกที่มีกลีบดอกที่บานใหญ่เป็นพิเศษมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ทั้งยังมีสีสันที่หลากหลายสวยงาม ในขณะเดียวกันคนเอเชียโดยเฉพาะคนจีนยังมีความเชื่อเกี่ยวกับดอกโบตั๋นมายาวนานหลายทศวรรษว่าเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง โชคลาภ เกียรติยศ และความรัก จนมาถึงปัจจุบันดอกโบตั๋นถูกนำมาใช้เกี่ยวกับด้านความงาม ด้านยารักษา สามารถช่วยในให้แก้อาการได้หลายโรค การดูแลรักษาขยายพันธุ์ก็สามารถขยายเองได้ เช่น การแบ่งกอ การตอนกิ่ง และการเพาะเมล็ด ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมตามสภาพแวดล้อมของแต่ละพื้นที่ ด้วยเหตุนี้ดอกโบตั๋นจึงเป็นดอกไม้ที่คนนิยมปลูก หรือนำมาดัดแปรงในรูปแบบต่าง ๆ ตามความต้องการกันแพร่หลายทั่วโลก
ความเป็นมาของดอกโบตั๋น
ตามความเชื่อและตำนานที่เล่าต่อกันมาถึงดอกไม้ชนิดหนึ่งที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นกว่าดอกไม้ชนิดอื่น ๆ ว่ามีประวัติมาอย่างยาวนานโดยมีการกล่าวอ้างอิงถึงดอกไม้ที่ชื่อว่าโบตั๋น ที่ได้มีการบันทึกไว้ในจารึกทางประวัติศาตร์ของจีนตั้งแต่ช่วงสมัยราชวงค์ฉีน ด้วยการยกดอกโบตั๋นให้เป็นราชาแห่งดอกไม้ที่สื่อถึงความมั่งคั่ง โชคลาภ เกียรติยศ และความรัก ต่อมาในช่วงสมัยราชวงค์ถัง ได้สืบสานวัฒนธรรมของดอกโบตั๋นด้วยการจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลดอกโบตั๋นขึ้นมาทั่วเมือง และเพิ่มคุณค่าด้วยการแต่งกลอน วาดภาพ นำมาเป็นแบบปักลงไปในชุดกี่เพ้า สืบสานต่อมาเรื่อย ๆ ในราชวงค์หมิง และสุดท้ายในราชวงค์ชิง ดอกโบตั๋นจึงเป็นที่นิยมมากที่สุดในจีน และขยายออกทั่วโลก
ชีววิทยาดอกโบตั๋น
ดอกโบตั๋นมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Paeonia Suffruticosa อยู่ในอาณาจักรของ Plantae และถูกจัดให้อยู่ในวงค์ของ Paeoniaceae เป็นพืชออกดอกไม้ล้มลุก หรือไม้พุ่มที่พบส่วนใหญ่ในแถบเอเชีย ลำต้นมีความสูงเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 3 เมตร เป็นใบประกอบ มีดอกขนาดใหญ่ กลีบเลี้ยงภายในดอกมี 2-3 กลีบ กลีบดอกเรียงซ้อนทับแน่นเป็นช่อ ภายในดอกมีทั้งเกสรเพศผู้เป็นจำนวนมาก และเกสรเพศเมียมีเพียงอันเดียว และมีรังไข่อยู่ด้านล่าง มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ หลากหลายสีสัน

สายพันธุ์ของดอกโบตั๋น
ดอกโบตั๋นเป็นไม้ดอกล้มลุกที่ออกดอกสวยงามโดยทั่วไปสายพันธุ์ที่พบทั่วโลกมีมากกว่า 30 ชนิด แต่จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ กลุ่มโบตั๋นยุโรป(Paeonia lactiflora) และกลุ่มโบตั๋นเอเชีย(Paeonia officinalis) โดยทั้ง 2 สายพันธุ์นี้จะมีสิ่งที่เหมือนกันคือ กลิ่นหอม สีหลากหลาย และแตกต่างกันคือ ขนาดของดอก และดอกโบตั๋นสายพันธุ์ที่นิยมปลูกและพบเจอมากที่สุดมี ดังนี้
- Paeonia lactiflora (Sarah Bernhardt) ดอกสีชมพูเข้ม
- Paeonia lactiflora (Festiva Maxima) ดอกสีแดง
- Paeonia lactiflora (White Wings) ดอกสีขาว
- Paeonia officinalis (Bowl of Beauty) ดอกสีชมพู
- Paeonia officinalis (Duchesse de Nemours) ดอกสีแดง
สีและความหมายของดอกโบตั๋น
ดอกโบตั๋นนอกจากจะมีหลากหลายสายพันธุ์แล้ว ในส่วนของดอกก็ยังมีสีสันที่หลากหลายด้วยเช่นกัน เนื่องด้วยความเชื่อตั้งแต่โบราณชาวจีนมักจะมีนิยามความเชื่อว่าดอกโบตั๋นเป็นสัญลักษณืของความมั่นคั่ง ร่ำรวย ความสุข และโชคลาภ สีของดอกโบตั๋นแทนความหมายในด้านที่ดีมีต่อไปนี้
- ดอกโบตั๋นสีแดง สื่อถึง ความรัก ความมั่นคั่ง และความโชคดี
- ดอกโบตั๋นสีชมพู สื่อถึง ความอ่อนน้อมอ่อนหวาน ความงาม และความรัก
- ดอกโบตั๋นสีขาว สื่อถึง ความบริสุทธิ์ ความสง่างาม และความสุข
- ดอกโบตั๋นสีเหลือง สื่อถึง ความสุข ความสดใส และโชคลาภ
- ดอกโบตั๋นสีส้ม สื่อถึง ความรัก ความหลงไหล และความสุข
- ดอกโบตั๋นสีม่วง สื่อถึง ความลึกลับ ความโรแมนติก และความรัก
ดอกโบตั๋นมีประโยชน์อย่างไรกับมนุษย์
สำหรับดอกโบตั๋นนอกจากจะเป็นดอกไม้ที่มีความหมายที่ดีต่อวัฒนธรรมคนจีนมาแต่โบราณแล้ว ยังมีคุณประโยชน์รอบด้านที่มนุษย์สามารถนำมาดำรงชีวิตได้รอบด้านตามความเหมาะสมยกตัวอย่างเช่น ปลูกไว้เพื่อประดับเพิ่มความสวยงามตามบ้านและสวน ตัดใส่แจกัน สามารถนำมาสกัดทำเป็นน้ำมันหอมระเหย ช่วยกระตุ่นการไหลเวียนของเลือด หรือสามารถนำมาต้มทำเป็นน้ำดอกโบตั๋นดื่ม นำมาชงเป็นชาดอกโบตั๋น และมีสรรพคุณทางยาเพื่อช่วยลดอาการต่าง ๆ อย่างลดการปวดประจำเดือน ลดการปวดกล้ามเนื้อ แก้ไอ ขับเสมหะ แก้อาการท้องเสีย และขับปัสสาวะเป็นต้น นอกจากจะมีคุณประโยชน์แล้วก็ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสมด้วย หากใช้เกินปริมาณอาจส่งผลเสียต่อร่างกายเราได้ด้วย

การขยายพันธุ์ของดอกโบตั๋น
นอกจากจะมีประโยชน์รอบด้านต่อมนุษย์แล้วการอนุรักษ์สืบสายพันธุ์ให้อยู่คู่กับมนุษย์ต่อไปในอนาคตก็เป็นสิ่งสำคัญดังนั้นการขยายสายพันธุ์ของดอกโบตั๋นสามารถทำเองได้ด้วยวิธีง่าย ๆ ดังนี้
- การแบ่งกอ วิธีนี้ถือเป็นวิธีที่นิยมทำกันเยอะมากที่สุด ใช้เวลาเพียงเดือนเดียวเท่านั้นก็สามารถนำไปขยายเพาะปลูกได้เลย ทั้งยังสามารถทำได้ตลอดทั้งปี และควรเลือกมีอายุมากกว่า 3 ปี ลำต้นที่แข็งแรงสมบูรญ์ มีรากติดมาด้วย 2-3 รากยิ่งดี
- การตอนกิ่ง วิธีนี้ก็เป็นวิธีง่ายเช่นกัน แต่จะใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าการแบ่งกอ ถึง 2-3 เดือนเลย เพราะกว่ารากจะเริ่มงอกเจริญเติบโต ต้องหมั่นดูแลในส่วนของการรดน้ำ และการโดนทำรายจากสิ่งมีชีวิตรอบข้าง และสามารถทำได้ในช่วงฤดูใบไม้พลิ
- การเพาะเมล็ด วิธีนี้เป็นวิธีที่ใช้เวลาค่อนข้างยาวนานกว่า 2-3 ปี เพาะต้องรอเมล็ดเจริญเติบโต เป็นต้นกล้าอ่อน ต้นเจริญเต็มที่ และโตจนสามารถออกดอกได้นั่นเอง คนส่วนใหญ่จึงมักนิยมขยายพันธุ์ด้วยวิธีการแบ่งกอมากว่า
ดอกไม้ ความรู้เกี่ยวกับดอกไม้ : blossomin.info
ความรู้เกี่ยวกับดอกไม้เพิ่มเติม : ดอกเบญจมาศ (Chrysanthemum)