ดอกชบา เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับดอกชบา

ดอกชบา (Hibiscus rosa) มีตำนานเล่ามาอย่างยาวนานทั้งยังถูกค้นพบตามความเชื่อในสมัยก่อนจนถึงปัจจุบัน ด้วยสีสันที่หลากหลาย ลักษณะของดอกที่แตกต่างกัน ของแต่ละสายพันธุ์พร้อมส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ เมื่อยามคนพบเห็น เป็นไม้ดอกที่ชอบอากาศร้อน ทั้งยังมีสรรพคุณทางยาเพื่อใช้นำมารักษาได้หลายโรค จนได้รับความนิยมและปลูกกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ต่อมาดอกชบาก็ได้กลายเป็นดอกไม้ประจำชาติของหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และบังกลาเทศ

ประวัติความเป็นมาของดอกชบา

ดอกชบามีถิ่นกำเนิดมาจากแถบประเทศจีน อินเดีย และฮาวาย โดยมีประวัติศาสตร์ที่ถูกค้นพบมาเป็นเวลานาน โดยอ้างอิงจากตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาในวรรณคดีต่าง ๆ พร้อมกับมีความเชื่อด้านพราหนณ์ฮินดูที่ได้นำมาร้อยพวงมาลัยเข้ากับหญ้าถวายให้กับองค์พระพิฆเนศ ส่วนแถบฮาวายจะคุ้นเคยคือชนเผ่าตามเกาะมักจะนำมาประดับตามร่างกายพร้อมกับออกลีลาท่าเต้นต่าง ๆ ในงานรื่นเริง แต่สำหรับดอกชบาในวัฒนธรรมไทยแล้วมีความหมายไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เพราะในอดีตจะถูกนำไปคล้องคอนักโทษประหาร อีกทั้งยังใช้แทนหญิงสาวที่หลายใจอีกด้วยแต่หากพูดถึงสรรพคุณทางยาแล้ว ดอกชบานั้นมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพไม่น้อยเลย จึงเป็นที่นิยมปลูกกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก

ชีววิทยาของดอกชบา

ดอกชบา มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Hibiscus rosa – sinensis L. ถูกจัดอยู่ในวงค์ของ Malvaceae ชอบอากาศร้อน และออกดอกบานในฤดูร้อน มีลักษณะโดยทั่วไปคือ เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง ลำต้นเปลือกอ่อน เป็นใบเลี้ยงเดี่ยว มนรี ปลายแหลม ขอบหยักคล้ายฟันเลื่อย ดอกเป็นดอกเดี่ยว หลากหลายสี มีทั้งดอกเล็กและดอกใหญ่ ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ และมีเกสรอยู่ตรงกลาง

สีของดอกชบามีความหมายที่แตกต่างกัน

ดอกชบาส่วนใหญ่ที่พบเห็นมีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ รวมไปถึงดอกแบบซ้อนกับแบบไม่ซ้อนกัน สีของดอกชบายังมีหลากหลายสี และแต่ละสียังให้ความหมายที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย ดังต่อไปนี้

ดอกชบาสีแดง หมายถึง ความรัก

ดอกชบาสีชมพู หมายถึง ความอ่อนโยน

ดอกชบาสีเหลือง หมายถึง ความสุข

ดอกชบาสีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์

ดอกชบาสีม่วง หมายถึง ความสง่างาม

ดอกชบาสีส้ม หมายถึง ความสนุกสนาน

สายพันธุ์ของดอกชบา

ดอกชบาส่งนใหญ่ที่เรามักจะพบเห็นได้ง่าย และมีทั่วไปจะมีเพียงไม่กี่สายพันธุ์ ซึ่งแต่ละสายพันธุ์มีความงามและสรรพคุณที่แตกต่างกัน มีดังต่อไปนี้

ชบาจีน (Hibiscus rosa – sinensis) นับว่าเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมปลูกมากที่สุด เนื่องจากให้สีสันที่สวยงาม และหลากหลายสี เช่น สีแดง ชมพู เหลือง ขาว ม่วง พร้อมทั้งยังมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ และออกดอกตลอดทั้งปีอีกด้วย

ชบามอญ (Hibiscus syriacus) ดอกจะมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ กลีบดอกยังมีสีสันหลากหลาย เช่น สีแดง ชมพู เหลือง ขาว ม่วง พร้อมทั้งมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ และออกดอกในช่วงฤดูร้อน

ชบาแก้วมังกร (Hibiscus schizopetalus) มีกลีบดอกซ้อนกันหลายชั้น และมีสีของดอกที่หลากหลาย เช่น สีแดง ชมพู เหลือง ขาว ม่วง พร้อมทั้งมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ และออกดอกในช่วงฤดูร้อน

ชบาใต้หวัน (Hibiscus rosa – sinensis var. tiawanensis) ดอกจะมีขนาดเล็ก กลีบดอกมีหลากหลายสี เช่น สีแดง ชมพู เหลือง ขาว ม่วง พร้อมทั้งมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ และออกดอกในช่วงฤดูร้อน

ดอกชบามีประโยชน์อย่างไรกับมนุษย์

หากว่ากันว่าแล้วแม้ดอกชบาเป็นไม้ดอกที่ชอบอากาศร้อน มีสีสันที่หลากหลายให้ความสวยงามสุดตายามที่คนเดินผ่านแล้วนั้น ยังมีสรรพคุณทางยาอยู่หลายประการ ซึ่งในส่วนของดอกยังสามารถนำมาต้มดื่มเพื่อเป็นยาแก้ดับร้อนใน แก้กระหายน้ำ ขับปัสสาวะ แก้ท้องเสีย บำรุงผมแก้ผมหลุดร่วง ยังไม่หมดไปเท่านั้นยังสามารถนำมาเป็นยารักษาโรคได้ด้วย อาทิเช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือสามารถนำมาประกอบอาหารได้อีกด้วย