httpsblossomin.info
ดอกไฮเดรนเยีย (hydrangea)

ดอกไฮเดรนเยีย

ดอกไฮเดรนเยีย (hydrangea) เป็นไม้พุ่มหรือไม้ล้มลุกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวลักษณะของดอกจะออกเป็นช่อบานใหญ่ พร้อมกับให้สีสันที่หลากหลาย สีของดอกจะขึ้นอยู่กับสภาพสิ่งแวดล้อมร่วมไปถึงขึ้นอยู่กับธาตุเหล็กที่อยู่ใต้ดิน หากธาตุเหล็กมากเกินไปจะออกดอกเป็นสีม่วงหรือสีฟ้า แต่หากธาตุเหล็กน้อยจะมีสีขาว หรือสีชมพู โดยดอกไม้ชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี ก่อนที่จะเริ่มมีการขยายสายพันธุ์และนำเข้ายุโรปเมื่อปี ค.ศ 1736 เนื่องจากเป็นไม้ดอกที่ขยายสายพันธุ์และเจริญเติบโตง่ายคนจึงมักนิยมนำไปปลูกเป็นไม้ประดับแต่งบ้านและสวน นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ทางการแพทย์ใช้เพื่อเป็นยาแก้อาการต่าง ๆ ได้มากมายอีกด้วย

ความเป็นมาของดอกไฮเดรนเยีย

สำหรับดอกไม้ที่มีเอกลักษณ์รูปทรงหรูหราและสีที่ดูแล้วมีความสุขุม ต้องยกให้เป็นดอกไฮเดรนเยีย ซึ่งคำนี้มาจากภาษากรีกคำว่า “Hydro” ที่แปลว่า “น้ำ” และคำว่า “angos” ที่แปลว่า “ภาชนะ” เมื่อนำมารวมกันแล้วแปลความหมายว่าภาชนะหรือถ้วยน้ำ ซึ่งอ้างอิงมาจากรูปทรงของดอกไม้นั้นเอง อีกอย่างตามประวัติที่ได้ค้นพบดอกไฮเดรนเยียมีถิ่นกำเนิดมาจากแถบประเทศ จีนญี่ปุ่น และเกาหลี ซึ่งความหมายของดอกไม้ชนิดนี้ตามวัฒนธรรมของ ญี่ปุ่น กับจีน ก็ได้ให้ความหมายว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความกตัญญู และความซื่อสัตย์ ส่วนความหมายในแถบประเทศยูโรปมีความหมายว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความทรงจำ ความเข้าใจ ปัจจุบันดอกไฮเดรนเยียเป็นดอกไม้ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ที่ใช้ในหลากโอกาสในวันสำคัญหรือวันพิเศษ

ชีววิทยาดอกไฮเดรนเยีย

ดอกไฮเดรนเยีย มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Hydeangea อยู่ในอาณาจักรของ Plantae และถูกจัดให้อยู่ในวงค์ของ Hydrangeaceae เป็นไม้พุ่มยืนต้นหรือเป็นไม้ล้มลุก เมื่อโตเต็มที่จะมีความสูงประมาณ 1-3 เมตร ลำต้นกิ่งก้านเป็นสีเขียวทั้งหมด เป็นใบเลี้ยงเดี่ยวรูปไข่ขอบหยัก ดอกออกเป็นช่อขนาดกลุ่มใหญ่ มีหลากหลายสีขึ้นอยู่กับสภาพดินแรุธาตุในแต่ละพื้นที่ เช่น สีขาว สีชมพู สีฟ้า สีม่วง และสีเขียวเป็นต้น สามารถเจริญเติบโตได้กับสภาพอากาศที่เย็นสบาย แสงแดดกลางแจ้ง และมีสรรพคุณทางยาใช้ในการรักษา มนุษย์สามารถนำมารับประทานได้

สายพันธุ์ของดอกไฮเดรนเยีย

โดยทั่วไปแล้วดอกไฮเดรนเยียที่พบโดยทั่วไปมีมากกว่า 80 สายพันธุ์จากทั่วโลก แต่การจำแนกจะถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ กลุ่มดอกใหญ่(Macrophylia) เป็นกลุ่มที่แพร่หลายและพบเจอมากที่สุด ดอกมีขนาดใหญ่ กลีบดอกซ้อนทับกันแน่น หลากหลายสีสัน และกลุ่มดอกเล็ก(Floribunda) เป็นกลุ่มดอกที่มีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อย และมีสีสันที่หลายหลากเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ดอกไฮเดรนเยีย ยังมีสายพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ดังนี้

  • ดอกไฮเดรนเยียไร้ใบ(Anomaia) คือสายพันธุ์นี้ส่วนขอใบจะร่วงออกหมดในช่วงฤดูหนาว ดอกจะบานเป็นช่อใหญ่โดดเด่น
  • ดอกไฮเดรนเยียไม้เลี้อย(Climbing Hortensia) คือสายพันธุ์ที่สามารถเลี้อยได้ตามสภาพและสถานที่ ออกดอกเป็นช่อเล็กถึงช่อระดับปานกลาง
  • ดอกไฮเดรนเยียพุ่ม(Paniclata) เป็นสายพันธุ์ที่แตกขยายออกเป็นพุ่มหนา ช่อดอกบานใหญ่
  • ดอกไฮเดรนเยียป่า(Hydrangea arborescens) ถือเป็นสายพันธุ์ที่มักพบได้ทั่วไปตามในป่า และออกดอกเป็นช่อขนาดเล็ก

สีของดอกไฮเดรนเยีย

ดอกไฮเดรนเยียเป็นดอกไม้ที่สามารถปลุกในสถานที่มีแดดเล็กน้อยไปถึงที่กลางแจ้งแดดตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ดอกไฮเดรดเยียยังสามารถปรับเปลี่ยนสีได้ตามสภาพหรือตามที่เราต้องการได้ด้วย ขึ้นอยู่กับดินและแร่ธาตุต่าง ๆ ภายในดินจะเป็นตัวกำหนดสีที่จะออกมาเมื่อดอกเริ่มบาน ยอกตัวอย่างเช่น หากดินมีธาตุเหล็กสูง ดอกจะออกมาเป็นสีฟ้าหรือม่วง และดินที่มีธาตุเหล็กต่ำ ดอกจะออกมาเป็นสีขาวหรือสีชมพูนั้นเอง และดอกไฮเดรนเยียที่พบทั่วไปมีสี ดังนี้ สีขาว สีชมพู สีฟ้า สีม่วง และสีเขียวเป็นต้น

ดอกไฮเดรนเยีย (hydrangea)

ดอกไฮเดรนเยียมีประโยชน์อย่างไรกับมนุษย์

ดอกไฮเดรนเยียนอกจากจากออกดอกสวยงาม สีสันที่หลากหลาย น่าชวนมองแล้วยังเป็นดอกไม้ที่ดีและมีประโยชน์ต่อมนุษย์ด้วยเช่นกัน หรือสามารถตัดเป็นช่อมาประดับลงในแจกัน จัดเป็นช่อดอกไม้ร่วมกันดอกไม้ชนิดอื่น ๆ หรือประดับในงานต่าง ๆ ได้ด้วย นอกจากนี้ยังสามารถนำมาประกอบอาหาร เช่น ยำ แกง หรือทำสลัด และการนำมารับประทางแบบสด ๆ ก็ได้ และยังมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยแก้อาการต่าง ๆ ได้ เช่น แก้อาการปวดหลัง ปวดหัว ขับปัสสาวะ และช่วยลดไข้ เป็นต้น ข้อควรระวังสำหรับดอกไฮเดรนเยียบางชนิดอาจเป็นพิษได้ ดังนั้นหากจะทำมารับประทาน หรือนำมาใช้เป็นยารักษาควรตรวจสอบให้แน่ชันก่อน เพราะอาจเกิดอัตรายได้

การขยายพันธุ์ของดอกไฮเดรนเยีย

เพื่อเป็นการอนุรักษ์สายพันธุ์ให้มีอายุยืนยาวสืบต่อไปในอนาคต และการขยายพันธุ์ของดอกไฮเดรนเยียก็มีเพียงไม่กี่วิธีและง่ายแสนง่ายสามารถทำได้เอง โดยมีเพียง 3 วิธีหลัก ๆ ดังนี้

  • การแบ่งกอ วิธีนี้นับว่าเป็นวิธีที่ง่ายมากที่สุด และคนส่วนใหญ่นิยมใช้วินี้ และสามารถเจริญเติบโตเห็นผลได้เร็วทันใจ ซึ่งการเลือกควรเลือกจากก่อที่มีรากที่แข็งแรงสมบูรณ์ ย้ายไปปลูกในที่สามารถเข้าถึงน้ำได้สะดวก และระบายน้ำได้ดี รากจะเริ่มงอกขึ้นมาใหม่เมื่อครบ 2-3 สัปดาห์
  • การปักชำ วิธีนี้ก็ง่ายและสะดวกเช่นกันสามารถทำได้ตลอดทั้งปี ซึ่งวิธีการเลือกกิ่ง ควรเลือกกิ่งที่อ่อนและสมบูรณ์แข็งแรงที่สุด หลังจากที่ปักชำเสร็จควรหมั่นดูแลไม่ให้เคลื่อนย้าย กิ่งและรากจะเริ่มงอกขึ้นมาให้ก็สามารถนำไปปลูกในถานที่ที่ต้องการได้เลย
  • การเพาะเมล็ด วิธีนี้จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือก และเป็นวิธีที่ค่อนข้างใช้เวลามากที่สุดเพราะต้องรอเวลาให้เมล็ดงอกขึ้นมา กลายเป็นต้นอ่อน หมั่นรดน้ำเมื่อโตในระดับต้นกล้าก็สามารถนำไปปลูกได้ และจะเจริญเติบโตเต็มที่สามารถออกดอกได้เมื่อมีอายุครบ 1-2 ปี ก็จะให้ดอกที่สวยงาม

ดอกไม้ ความรู้เกี่ยวกับดอกไม้ : blossomin.info

ความรู้เกี่ยวกับดอกไม้เพิ่มเติม : โบตั๋น หรือดอกโบตั๋น (Peony)